วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558

แม่ของฉัน

แม่ของฉัน
            ฉันรักแม่เพราะท่านเป็นบุคคลที่คอยดูแลเอาใจใส่เรามาโดยตลอดตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนฉันเกิดมาท่านก็ยังคงคอยดูแล อบรม ให้คำแนะนำ สั่งสอนฉันทุกอย่าง คุณแม่พาฉันไปเที่ยว คอยสนับสนุนในด้านการศึกษาที่ฉันใฝ่ฝัน ท่านไม่เคยบังคับจิตใจลูกๆเลย ท่านให้โอกาสลูกๆได้เลือกทางเดินของตนเอง ท่านไม่เคยที่จะขออะไร เพียงแต่หวังว่าในอนาคตลูกๆของท่านจะประสบความสำเร็จ มีหน้าที่การงานที่ดีทำ สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ แม่ทำให้เราทุกอย่าง ดังนั้นเราจึงควรรักแม่ให้มากๆ ดูแลท่านเมื่อแก่ชรา ทดแทนบุญคุณที่ท่านเคยเลี้ยงดูเรามา ท่านให้กำเนิดชีวิตเรา
            พระราชินีท่านก็ทรงเป็นแม่ของแผ่นดิน เป็นแม่ของชาวไทยทุกคน ทุกคนรักพระองค์ พระองค์ท่านทรงงานหนักเพื่อชาวไทยมาโดยตลอด เราต้องตอบแทนท่าน โดยการเป้นคนดี ไม่คดโกงประเทศชาติ ช่วยกันพัฒนาประเทศ ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน สามัคคีกัน เป็นกำลังใจให้ท่านในยามที่พระองค์ท่านป่วย พระองค์ทรงเป็นที่รักยิ่งของเราชาวไทยทุกคน แม่ของแผ่นดิน


วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เม็ดแมงลัก

แมงลัก สรรพคุณและประโยชน์ของเม็ดแมงลัก 15 ข้อ !


แมงลัก
 เม็ดแมงลัก มาจากต้น แมงลัก (Lemon basil) หรือชื่ออื่น ๆคือ Hoary Basil และ Hairy Basil มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ocimum × citriodourum ซึ่งเป็นพืชล้มลุกในสกุลกะเพราและโหระพาลักษณะของต้นจะคล้ายกับต้นกะเพรา ต่างกันที่กลิ่นและสีใบจะอ่อนกว่า มีลำต้นสูงประมาณ 30-80 เซนติเมตร มีกลิ่นหอมทุกส่วน ใบเดี่ยว ใบเรียงตรงข้ามเป็นคู่ ๆ ดอกและช่อจะออกที่ปลายยอด อาจเป็นชื่อเดี่ยวหรือแตกออกเป็นช่อย่อย ๆ ดอกจะบานจากล่างไปบน กลีบดอกสีขาวแบ่งเป็น 2 ปากและร่วงง่าย เกสรตัวผู้จะยื่นยาวกว่ากลีบดอก ดอกย่อยออกโดยรอบก้านก่อเป็นชั้น ๆ แต่ละชั้นมีดอกย่อย 6 ดอก แบ่งเป็น 2 ส่วน ดอกตรงกลางจะบานก่อนและช่อดอกย่อยที่อยู่ชั้นล่างสุดของก้านช่อดอกจะบานก่อนเช่นกัน ผล 1 ดอกมีผล 4 ผล มีขนาดเล็ก เรียกว่าเม็ดแมงลัก ซึ่งมีลักษณะกลมรีและมีสีดำ
ต้นแมงลัก ส่วนที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ก็คือ เมล็ดแมงลัก และ ใบแมงลัก ซึ่งในส่วนของใบนั้นเรานิยมนำมาใช้ประกอบอาหารหรือใส่เครื่องแกงต่าง ๆ เช่น แกงเลียง เป็นต้น ส่วนเมล็ดก็นำมาใช้ทำเป็นขนมอื่น ๆได้หรือนำไปผสมกับเครื่องดื่มก็ได้เช่น น้ำเต้าหู้ น้ำขิง น้ำใบเตย (โจ๊กก็ได้นะ) โดยสามารถรับประทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และยังปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรอีกด้วย
Tip : วิธีสังเกตความแตกต่างระหว่างแมงลักกับโหระพาง่าย ๆ ก็คือ ใบแมงลักจะเล็กกว่าใบโหระพา มีลำต้นสีเขียวอ่อนเกือบขาว ส่วนใบโหระพาลำต้นจะออกสีม่วงแดง เมื่อนำมาเทียบกันแล้วโหระพาจะต้นใหญ่กว่าแมงลัก และใบแมงลักจะเป็นรูปรีออกตรงข้ามกัน ปลายและโคนของใบแหลม ขอบใบเรียวหรือหยักมน ๆ ซึ่งต่างจากใบโหระพาที่ขอบใบจะหยักเป็นฟันเลื่อยห่าง ๆ
แมงลัก แมกลักในประเทศไทยนั้นมีสายพันธุ์หลักเพียงสายพันธุ์เดียวนั่นก็คือ “ศรแดง” ที่เหลือก็จะเป็นพันธุ์ผสมหรือพันทาง ลักษณะของพันธุ์ศรแดงที่ดีนั้นใบต้องใหญ่พอดี ไม่เล็กเกินไป ดอกสีขาวเป็นชั้น ๆ คล้ายฉัตร โดยข้อมูลจากกองโภชนาการกรมอนามัยระบุไว้ว่า แมงลัก 100 กรัมจะมี ธาตุแคลเซียม 140 mg. และมี วิตามินเอ 590.56 mcg. ที่สูงกว่ากะเพราและโหระพา แต่กรมส่งเสริมการเกษตรระบุว่ามี วิตามินเอ 9,164 IU และ วิตามินบี2 0.14 mg. ซึ่งน้อยกว่ากะเพราและโหระพา แต่มีวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆที่สูงกว่า เช่น ธาตุแคลเซียม 350 mg. ธาตุฟอสฟอรัส 86 mg. ธาตุเหล็ก 4.9 mg. วิตามินซี 78 mg. และ วิตามินบี1 0.3 mg. เป็นต้น
สำหรับใครที่เพิ่งเคยรับประทานเม็ดแมงลักในช่วง 2-3 วันแรกอาจจะยังไม่เห็นผลเท่าไหร่อาจเป็นเพราะว่าร่างกายกำลังปรับตัว แต่หลังจากรับประทานไปสักระยะหนึ่งก็จะดีขึ้นเอง แต่ถ้าหากรับประทานไปสักระยะหนึ่งแล้วไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงก็ต้องกลับมาพิจารณาทีละจุดว่าเราใส่น้ำในเม็ดแมงลักน้อยเกินไปหรือไม่ ถ้าไม่ก็ให้ใสเยอะ ๆ หรือรับประทานอย่างถูกวิธีแล้วหรือไม่ (ควรรับประทานหลังอาหารเย็นประมาณ 3 ชั่วโมงกำลังดี) และคุณขับถ่ายในช่วงเวลาตี 5 ถึง 7 โมงเช้าหรือไม่ ถ้าไม่ก็จะได้ผลน้อย หรือคุณรีบร้อนเกินไป ใช้เวลาขับถ่ายน้อย พยายามเร่งเวลาในการขับถ่าย ก็ทำให้ร่างกายไม่ผ่อนคลายก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญเช่นกัน ดังนั้นก็อย่างเพิ่งรีบท้อกันไปก่อนละ

โทษของเม็ดแมงลัก

  1. เม็ดแมงลักการรับประทานเม็ดแมงลักในปริมาณมาก ๆ อาจจะเกิดอาการแน่นท้องรู้สึกไม่สบายตัวได้
  2. การรับประทานเม็ดแมงลักในขณะที่ยังพองตัวไม่เต็มที่ อาจจะเกิดการดูดน้ำจากกระเพาะอาหารทำให้เม็ดแมงลักจับตัวกันเป็นก้อนและอุดตันในลำไส้ ซึ่งอาจทำให้ท้องผูกได้เช่นกันถ้ารับประทานแบบผิดวิธี
  3. ไม่ควรรับประทานเม็ดแมงลักพร้อมกับกับยาอื่น ๆ เพราะจะมีผลทำให้ร่างกายดูดซึมยาเหล่านั้นได้ไม่ดีและน้อยลง ดังนั้นควรทานยาก่อนสักประมาณ 15-30 นาทีแล้วค่อยรับประทานเม็ดแมงลักตาม
  4. สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก การรับประทานเม็ดแมงลักแทนมื้ออาหารหลักควรรับประทานเป็นบางมื้อ เพราะอาจจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นอื่น ๆได้
  5. อีกสิ่งที่ต้องระวังไว้ก็คือ การเลือกซื้อ ควรเลือกซื้อเม็ดแมงลักที่มีความสะอาดได้มาตรฐานน่าเชื่อถือ อยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดมิดชิด เก็บไว้ในที่เหมาะสม เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว อาจมีเชื้อราหรือสารพิษอย่างอะฟลาทอกซินปนเปื้อนมาด้วยก็ได้ (สารอะฟลาทอกซิน เมื่อบริโภคจำนวนมากอาจทำให้อาการท้องเดิน อาเจียน และสะสมเป็นสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งตับ)

ประโยชน์ของเม็ดแมงลัก

  1. ประโยชน์ของเม็ดแมงลักเม็ดแมงลัก ลดความอ้วน เพราะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้ เพราะมีสรรพคุณในการเปลี่ยนคอเลสเตอรอลไปเป็นกรดน้ำดี และยังช่วยเพิ่มการขับออกของกรดน้ำดีด้วย ซึ่งจะไปลดเฉพาะคอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL) แต่ไม่มีผลใด ๆกับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
  2. เม็ดแมงลัก ลดน้ําหนัก ตัวช่วยสำหรับผู้ที่ต้องควบคุมน้ำหนักและความอ้วน เนื่องจากเม็ดแมงลักไม่ก่อให้เกิดพลังงาน และมันสามารถพองตัวได้มากถึง 45 เท่า !! เมื่อนำมารับประทานเป็นอาหาร (ควรรับประทานแค่บางมื้อต่อวัน เพื่อป้องกันโรคขาดสารอาหาร) หรือจะรับประทานก่อนอาหารเพื่อทำให้กระเพาะไม่ว่างและรู้สึกอิ่มเป็นการช่วยควบคุมปริมาณอาหารที่รับประทานไปด้วยเป็นอย่างดี สำหรับวิธีชงเม็ดแมงลักก็คือใช้เม็ดแมงลักประมาณ 2 ช้อนชานำมาแช่น้ำ 1 แก้วใหญ่ทิ้งไว้จนพองตัวเต็มนำมาผสมกับน้ำร้อน 1 แก้วที่แล้วนำมารับประทาน (หรือจะผสมกับน้ำผึ้ง น้ำสมุนไพร หรือนมก็ได้)
  3. ประโยชน์เม็ดแมงลัก เมื่อรับประทานเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคหัวใจได้อีกด้วย
  4. เม็ดแมงลักเป็นอาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะช่วยทำให้การดูดซึมของน้ำตาลลดลง เนื่องจากเม็ดแมงลักทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ช้าลงอยู่แล้ว
  5. เม็ดแมงลักเป็นอาหารที่รับประทานง่าย กลืนง่ายลื่นคอและเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานอาหารที่มีกากใยอย่างพวก ผักผลไม้
  6. ประโยชน์ของเม็ดแมงลัก ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้เป็นปกติและมีประสิทธิภาพ ขับถ่ายสะดวก
  7. เม็ดแมงลัก สรรพคุณล้างลำไส้ ช่วยดีท็อกซ์แก้ปัญหาอุจจาระตกค้าง ซึ่งเป็นสาเหตุมาจากการเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย มีพยาธิ ระบบย่อยอาหารผิดติ ระบบดูดซึมเสีย และขับถ่ายไม่เป็นเวลา (ช่วงเช้า 05.00 – 07.00 น.)
  8. เม็ดแมงลักสรรพคุณใบแมงลักช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะได้
  9. ใบแมงลักมีสรรพคุณในการช่วยขับเหงื่อ
  10. แมงลัก สรรพคุณช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ด้วยการใช้ใบสดมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วรับประทาน
  11. ใบแมงลักมีฤทธิ์ช่วยขับลมในลำไส้
  12. ประโยชน์ของแมงลักใช้เป็นยาระบาย กระตุ้นการขับถ่ายให้ดีขึ้น ด้วยการรับประทานเม็ดแมงลักก่อนเข้านอน
  13. ใบแมงลักต้มกับน้ำดื่มเป็นประจำช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้หรือทางเดินอาหารได้
  14. ใบแมงลักมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียบางชนิดได้
  15. รักษาโรคกลากเกลื้อน ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 10 ใบนำมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วนำมาตำผสมน้ำเล็กน้อย แล้วทาบริเวณที่เป็นกลากเกลื้อนวันละ 1 ครั้งประมาณ 1-2 สัปดาห์อาการจะดีขึ้น

ภาพวาดราคาสูง

10 อันดับภาพวาดที่แพงที่สุดในโลก Top 10 - The most expensive paintings


อันดับ 10   Femme aux Bras Croises by Pablo Picasso    
ราคาประมาณ  $55,000,000 
Femme aux Bras Croisés  ภาพผู้หญิงกอดอก  ผลงานของ Picasso ซึ่งวาดขึ้นในปี 1902 ภาพวาดนี้ใช้โทนสีน้ำเงินซึ่งเป็นโทนสีที่แสดงออกถึงความเศร้าโศก เสียใจและความเย็นชา จึงทำให้ภาพนี้มีชื่อว่า “ Blue Period ”
 
อันดับ 9 Rideau, Cruchon et Compotier by Paul Cezanne 
ราคาประมาณ $60,500,000 
Rideau, Cruchon et Compotier  ผลงานของ Paul Cezanne จิตรกรชาวฝรั่งเศสซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการเขียนภาพหุ่นนิ่ง ภาพนี้วาดขึ้นในปี 1893-1894  
 
อันดับ 8 Portrait de l’Artiste sans Barbe by Vincent van Gogh 
ราคาประมาณ $71,590,000 
Portrait de l’Artiste sans Barbe  ผลงานของ Vincent van Gogh จิตรกรชาวดัทช์ (เนเธอร์แลนด์) ซึ่งวาดขึ้นในปี 1889  Van Gogh เป็นจิตรกรที่ชอบวาดภาพเหมือนตัวเองจากเงาสะท้อนกระจก ซึ่งหนึ่งในผลงานที่มีชื่อเสียงก็คือ “ ภาพเหมือนที่ไม่มีเครา” เป็นการวาดกลับด้านจากกระจกเงา
 
อันดับ 7 Les Noces de Pierrette by Pablo Picasso 
ราคาประมาณ $72,690,000
Les Noces de Pierrette  ผลงานของ Pablo Picasso จิตรกรและประติมากรชาวสเปน  ซึ่งวาดขึ้นในช่วงปี 1901-1905  Picasso เป็นจิตรกรและประติมากรชาวสเปน ภาพนี้ เป็นหนึ่งในภาพที่ปิกัสโซ่วาดขึ้นมาในช่วงที่เขาตกระกำลำบาก อีกทั้งมีความทุกข์ทรมาน และเสียใจกับการจากไปของเพื่อน
 
อันดับ 6 Massacre of the Innocents by Peter Paul Rubens 
ราคาประมาณ $77,900,000 
Massacre of the Innocents  ผลงานของ Peter Paul Rubens จิตรกรชาวเฟลมมิช ภาพนี้เป็นหนึ่งในภาพวาดที่ต้องการบอกเล่าเรื่องราวอันน่าหดหู่ใจและสะเทือนใจจากการสังหารทารกหมู่ที่เมือง ที่เมือง Bethlehem  ภาพนี้วาดขึ้นระหว่างปี 1611-1612  
 
อันดับ 5 Irises by Vincent van Gogh 
ราคาประมาณ $78,400,000
Irises หรือ ภาพดอกไม้ไอริส ผลงานของ Vincent van Gogh ซึ่งวาดขึ้นในปี 1889 ขณะที่เขากำลังพักรักษาตัวอยู่ในสถานพักฟื้น Saint Paul-de-Mausole ที่เมือง Saint-Remy-de-Provence ประเทศฝรั่งเศส ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในปี 1890 
ภาพวาดนี้มีชื่อว่า The lightning conductor for my illness  หรือ สายล่อฟ้าของความเจ็บป่วย  Van Gogh เชื่อว่า การเขียนภาพไปเรื่อยๆ จะเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยไม่ให้จิตใจเกิดความฟุ้งซ่านหรือบ้าคลั่งได้ 
อันดับที่ 4 Dora Maar au Chat by Pablo Picasso 
ราคาประมาณ $95,216,000 
Dora Maar au Chat  ผลงานของ Pablo Picasso  ซึ่งวาดขึ้นในปี 1941  ผู้หญิงในภาพนี้คือ   Dora Maar ภรรยาของ Picasso ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้และมีแมวน้อยเกาะอยู่บนไหล่ 
อันดับที่ 3 Garcon a la Pipe by Pablo Picasso 
ราคาประมาณ $106,910,000 
Garcon a la Pipe  ผลงานของ Pablo Picasso ซึ่งวาดขึ้นในปี 1905 เมื่อ Picasso มีอายุ 24 ปี ขณะนั้นเขาอาศัยอยู่ที่ Montmartre ในปารีส  เขาวาดภาพเด็กชายชาวปารีสคนหนึ่งกำลังถือไปป์ในมือซ้ายและบนหัวมีมงกุฎดอกไม้ประดับอยู่ 
อันดับที่ 2 Bal au moulin de la Galette by Pierre-Auguste Renoir 
ราคาประมาณ $110,420,000 
Bal au moulin de la Galette  ผลงานของ Pierre-Auguste Renoir จิตรกรชาวฝรั่งเศส ซึ่งวาดขึ้นในปี 1876  เป็นภาพวาดที่แสดงให้เห็นถึงบ่ายวันอาทิตย์ที่ Moulin de la Galette ในย่านของ Montmartre ในปารีสปลายศตวรรษที่ 19 
อันดับที่ 1 Portrait of Dr. Gachet by Vincent van Gogh 
ราคาประมาณ $116,790,000 
Portrait of Dr. Gachet  ผลงานภาพวาดของ Vincent van Gogh  ซึ่งวาดขึ้นในปี 1890 ขณะที่เขากำลังรักษาอาการป่วยอยู่ที่สถานพักฟื้น Van Gogh วาดภาพเหมือนของ Dr.Gachet จำนวน 2 ภาพ ซึ่งมีการลงสีที่แตกต่างกัน
 
Mona Lisa ภาพที่ประเมินค่ามิได้
และภาพสุดท้าย ผู้หญิงที่โด่งดังมากที่สุดคนหนึ่งบนโลกใบนี้ เธอคือ โมนา ลิซ่า Mona Lisa (La Gioconda) ภรรยาของ Francesco del Giocondo ผลงานของ Leonardo da Vinci ศิลปินเอกชาวอิตาลี ซึ่งวาดภาพนี้ในปี 1503 - 1507
คาดกันว่าหากมีการประมูลภาพวาดโมนา ลิซ่า เกิดขึ้น ภาพวาดนี้ก็จะมีมูลค่าสูงถึง $670,000,000  แต่การประมูลภาพวาดนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย เนื่องจากภาพวาด Mona Lisa ได้กลายเป็นสมบัติของรัฐบาลฝรั่งเศสไปแล้ว และภาพนี้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในพิพิธภัณฑ์ลูฟท์ (Muse du Louvre) ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ประโยชน์ของชอกโกแลต

ประโยชน์ของชอกโกแลต

ช็อกโกแลต เป็นอีกหนึ่งของหวานที่สาวๆหลายๆคนชื่นชอบ แต่บางคนก็คิดว่า ช็อกโกแลต หวานๆแบบนี้ ไม่ดีต่อสุขภาพแน่ๆ ไหนจะกลัวอ้วน แล้วยังเคยได้ยินว่ากินแล้วทำให้สิวขึ้นอีกด้วย แต่คุณอาจจะคิดผิดนะคะ เพราะจริงๆแล้ว ช็อกโกแลต มีประโยชน์หลายด้านเลยทีเดียว ไปดูกันดีกว่าค่ะ ว่า ช็อกโกแลต มีประโยชน์อะไรบ้าง ก่อนที่จะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้

iStock_000016088140_Small

1. ลดความอ่อนเยาว์ ดูเด็กขึ้น  ช็อกโกแลต เป็นอาหารที่อุดมด้วยแอนตี้ออกซิเดนท์ที่ช่วยร่างกายในการต่อสู้กับความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะหรือความเครียด
2. ใน ช็อกโกแลต มีแมกนีเซียมสูง ซึ่งแมกนีเซียมนั้นมีประโยชน์ต่อการทำงานหัวใจและความดันโลหิตสูง
3. ต่อสู้กับอาการก่อนมีประจำเดือนได้ แมกนีเซียมใน ช็อกโกแลต จะเข้าไปช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่มีผลต่ออารมณ์คุณผู้หญิงในช่วงก่อนมีประจำเดือนนั่นเอง
4. ช็อกโกแลต ตัวช่วยลดเครียด  เพราะมีกรดอะมิโนทริปโตฟานสามารถเปลี่ยนเป็นเซโรโทนินในร่างกายได้ ลดเครียดได้แบบไม่ต้องออกกำลังกาย
5. ช็อกโกแลต ช่วยผิวสวย  จากงานวิจัยที่มหาวิทยาลัยเพนซิเวเนียในสหรัฐฯ ซึ่งให้คนไข้ที่เป็นสิวอักเสบจำนวน 65 คน กินช็อกโกแลตในปริมาณมากๆ และพบว่า 46 คนไม่มีความเปลี่ยนแปลง  สำหรับในเรื่องสิว 10 คนดีขึ้น และ 9 คนแย่ลง บ่งชี้ว่าช็อกโกแลตไม่มีผลกระทบใดใดต่อการเป็นสิว
6. ช็อกโกแลต ช่วยให้ตื่นตัวและสดชื่น เพราะอุดมไปด้วยพลังงานและคาเฟอีน
7. บรรเทาอาการไอ เนื่องจากสารประกอบที่ชื่อ ธีโอโบรไมน์ ในช็อกโกแลตมีประสิทธิภาพในการลดอาการไอ โดยไม่มีผลข้างเคียง

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

กุหลาบวาเลนไทน์

กุหลาบวาเลนไทน์

ดอกกุหลาบ วาเลนไทน์
วันวาเลนไทน์ ต้องคู่กับ ดอกกุหลาบ ขาดจากกันไม่ได้ การบอกรักด้วยดอกกุหลาบนั้น สามารถบอกถึงนิสัยและความหมายของสีดอกกุหลาบได้อีกด้วย
กุหลาบสีแดง (Red Rose): แทนความหมายว่า “ฉันรักเธอ”
กุหลาบสีขาว (White Rose) : แทนความหมายว่า “ความรักอันบริสุทธิ์”
กุหลาบสีชมพู (Pink Rose) : แทนความหมายว่า “ความรักแบบโรแมนติก”
กุหลาบสีเหลือง (Yellow Rose) : แทนความหมายว่า “ความรักแบบเพื่อน”
กุหลาบสีดำ (Black Rose) : แทนความหมายว่า "รักนิรันดร"

ดอกกุหลาบบอกรัก
1 ดอก คือ รักแรกพบ
2 ดอก คือ แสดงความยินดีด้วย
3 ดอก คือ ฉันรักเธอ
7 ดอก คือ เธอทำให้ฉันหลงเสน่ห์
9 ดอก คือ เราสองคนจะรักกันตลอดไป
10 ดอก คือ เธอเป็นคนที่ดีเลิศ
11 ดอก คือ เธอเป็นสมบัติที่มีค่าชิ้นเดียวของฉัน
12 ดอก คือ ขอให้เธอเป็นคู่ฉันเพียงคนเดียว
13 ดอก คือ เพื่อนแท้เสมอ
15 ดอก คือ ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ
20 ดอก คือ ฉันมีความจริงใจต่อเธอ
21 ดอก คือ ชีวิตนี้ฉันมอบเพื่อเธอ
36 ดอก คือ ฉันยังจำความหลังอันแสนหวาน
40 ดอก คือ ความรักของฉันเป็นรักแท้
99 ดอก คือ ฉันรักเธอจนวันตาย
100 ดอก คือ ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ
101 ดอก คือ ฉันมีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น
108 ดอก คือ เธอจะแต่งงานกับฉันไหม
999 ดอก คือ ฉันจะรักเธอจนวินาทีสุดท้าย
1,000 ดอก คือ ฉันจะรักเธอจนวันตาย
9,999 ดอก คือ ฉันจะรักเธอชั่วนิรันดร

10 สถานที่ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนปารีส


10 สถานที่ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนปารีส

1. การนั่งรถทัวร์ชมกรุง (Double Decker Bus Tour)

            การนั่งรถทัวร์ชมกรุงเป็นสิ่งที่คุณควรทำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวที่มาปารีสเป็นครั้งแรก เพราะที่นี่จะมีรถทัวร์ที่เรียกกันว่า L'Open ทัวร์ ซึ่งเป็นรถทัวร์ที่มีดาดฟ้าอยู่ข้างบน เพื่อให้คุณได้ชมเมืองปารีสอย่างไม่มีอะไรบดบังสายตาเลย

            นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋ววันเดียวหรือสองวันก็ได้ สำหรับการนั่งรถชมเมืองใน 4 เส้นทาง โดยทันทีที่คุณซื้อตั๋วแล้ว ทางรถทัวร์จะมีชุดหูฟังให้คุณ เพื่อใช้ในการเสียบต่อกับแจ็คที่อยู่บริเวณด้านข้างของเบาะที่นั่ง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถฟังบรรยายไปตลอดการเดินทาง โดยเลือกฟังได้ถึง 8 ภาษา คือ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาอิตาลี ภาษาเยอรมัน ภาษาสเปน ภาษารัวเซีย และภาษาจีน

2. ชมทิวทัศน์จากด้านบนของหอไอเฟล (Eiffel Tower)


            หอไอเฟลไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองปารีสเท่านั้น หากแต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสด้วย ดังนั้น หากนักท่องเที่ยวคนใดไม่ได้ไปเยือนหอไอเฟล ถือว่าไปไม่ถึงฝรั่งเศสเลยทีเดียว ทำให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวกว่า 60 ล้านคน ไปเยือนหอไอเฟล โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นชมทัศนียภาพรอบกรุงปารีสได้ เพียงแค่ซื้อบัตรที่บูธซึ่งอยู่บริเวณฐานของหอไอเฟล แล้วขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นต่าง ๆ ของหอไอเฟล

หอไอเฟล

3. ล่องเรือในแม่น้ำเซน ชมพระอาทิตย์ตกดิน (Sunset River Cruise on the Seine)


            การล่องเรือในยามใกล้ค่ำเป็นทางเลือกที่ดีมาก หากคุณอยากจะชมทิวทัศน์ยามราตรีของกรุงปารีส โดยเรือจะล่องจากหอไอเฟล ผ่านสถานที่ที่น่าสนใจสองฝั่งแม่น้ำเซน รวมถึงผ่านโบสถ์นอทเทอร์ดัมด้วย


4. โบสถ์นอทเทอร์ดัม (Notre Dame Cathedral)


            โบสถ์นอทเทอร์ดัมเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของกรุงปารีส เพราะเป็นสถานที่ที่อยู่คู่กับเมืองปารีสมาช้านาน และมีชื่อเสียงด้านความใหญ่โตหรูหรา มีสถาปัตยกรรมที่งดงามมาก โดยการเที่ยวชมนั้นนักท่องเที่ยวจะได้เห็นความอลังการของโบสถ์นอทเทอร์ดัม อีกทั้งยังต้องขึ้นบันได 387 ขั้นเพื่อไปถึงยอดของโบสถ์


โบสถ์นอทเทอร์ดัม

5. โบสถ์แซงต์ ชาแปลล์ (Sainte Chapelle)


            ถัดจากโบสถ์นอทเทอร์ดัม มีโบสถ์แซงต์ ชาแปลล์ ซึ่งเป็นโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวปารีส สร้างในสไตล์กอธิค มีการประดัประดาด้วยกระจกสวยงามมากมาย จนนักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมชมต่างยอมรับว่ากระจกที่ใช้ตกแต่งโบสถ์มีความงดงามที่สุด ยิ่งเมื่อแสงจากภายนอกส่องเข้ามา ยิ่งทำให้มองเห็นลายกระจกชัดเจนและสวยงามมาก


โบสถ์แซงต์ ชาแปลล์

6. ถนนฌ็องเซลิเซ่ และประตูชัยนโปเลียน (Champs Elysees & Arc de Triomphe)


            ถนนฌ็องเซลิเซ่ เป็นถนนที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดในกรุงปารีส นักท่องเที่ยวสามารถเดินตามถนนสายนี้ไปสู่ประตูชัยนโปเลียน ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญในกรุงปารีส และที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมชั้นบนของประตูชัยได้ โดยเดินขั้นบันได 284 ขั้น หรือใช้ลิฟต์

ถนนฌ็องเซลิเซ่ และประตูชัยนโปเลียน

7.  เลแซงวาลิด (Les Invalides (Napoleon's Tomb))


            เลแซงวาลิด เป็นอาคารที่ฝังพระศพของพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ซึ่งมีศพนายพลพระสหายของพระเจ้านโปเลียนอีกหลายคนฝังอยู่ด้วย ตัวอาคารมีโดมที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นโดมที่สวยงามที่สุดในกรุงปารีส นอกจากนี้ ยังมีศิลปะมากมายจัดแสดงอยู่ในนั้นอีกด้วย


8. พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์ (Musee d'Orsay)


            พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมศิลปะหลายอย่างเข้าด้วยกัน อันได้แก่ ศิลปะด้านการออกแบบสิ่งทอ ศิลปะทางประวัติศาสตร์ ภาพถ่าย ประติมากรรม ซึ่งสะท้อนเอกลักษณ์ของปารีสออกมาได้เด่นชัดเลยทีเดียว

พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์

9. พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (The Louvre)


            เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เคยเป็นพระราชวังหลวงมาก่อน จัดแสดงศิลปะที่มีคุณค่าระดับโลกมากมาย เช่น ภาพเขียนโมนาลิซ่า ผลงานของต่าง ๆ ของเลโอนาร์โด ดาวินซีแลอเล็กซานดรอส นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมากที่สุดในกรุงปารีส ดังนั้น คุณจึงไม่ควรพลาดในการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ลูฟร์แห่งนี้


10. มงต์มาร์ทร์ (Montmarte & Sacre Couer Basilica)


            มงต์มาร์ทร์เป็นหุบเขาสูง 130 เมตร ทางเหนือของปารีสและเป็นจุดที่สูงที่สุดของเมือง บนเขาเป็นที่ตั้งของโบสถ์ซาเครเกอร์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานที่อุทิศแด่ชาวฝรั่งเศส ที่เสียชีวิตจากสงครามกับปรัสเซีย ออกแบบตามแบบศิลปะสไตล์โรมัน - ไบเซนไทน์ ซึ่งมีความอลังการและงดงามมาก




วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประวัติส่วนตัว

ชื่อ เด็กหญิงกีรติ พิมสิม
ชื่อเล่น ฝ้าย
เกิด 13 มิถุนายน 2544
ที่อยู่ 119 ม.8 ต.กุดตุ้ม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ
ปัจจุบันศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/12 โรงเรียนสตรีชัยภูมิ